ประกาศ
บริษัท อีอาร์เอ็กซ์ จำกัด
เรื่อง ลักษณะคำสั่งซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลที่ไม่เหมาะสม (Improper Trading Practices)
เนื่องด้วย พ.ร.ก. การประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 ซึ่งอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) หมวด 6 เรื่อง การป้องกันการกระทำอันไม่เป็นธรรมเกี่ยวกับการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล ตามมาตรา 46, 47, 48, 49 และ 50 ได้วางหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการ
กระทำที่มีลักษณะเป็นการส่งคำสั่งไม่เหมาะสมไว้แล้ว และเพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดการส่งคำสั่งดังกล่าว
ทางบริษัท อีอาร์เอ็กซ์ (“บริษัทฯ”) จึงได้จัดทำประกาศฉบับนี้ขึ้น เพื่อแสดงลักษณะและยกตัวอย่างการกระทำที่อาจเข้าข่ายเป็นการส่งคำสั่งไม่เหมาะสม เพื่อให้นักลงทุนทุกท่านรวมถึงผู้ที่เกี่ยวข้องพึงหลีกเลี่ยงการส่งคำสั่งที่อาจเข้าข่ายไม่เหมาะสมซึ่งแสดงถึงเจตนาที่จะทำให้สภาพการซื้อขายของตลาดผิดไปจากปกติหรือเจตนาเพื่อบิดเบือนเพื่อให้นักลงทุนท่านอื่นเข้าใจผิดในราคาหรือปริมาณการซื้อขายของสินทรัพย์ดิจิทัลบนกระดานซื้อขาย
อย่างไรก็ดี ทางบริษัทฯ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าประกาศฉบับนี้จะเป็นแนวทางช่วยให้นักลงทุนทุกท่านเข้าใจถึงลักษณะการส่งคำสั่งไม่เหมาะสมและป้องกันไม่ให้เกิดการส่งคำสั่งในลักษณะดังกล่าว โดยมีรายละเอียดดังนี้
ลักษณะคำสั่ง | วัตถุประสงค์ | ลักษณะพฤติกรรม |
คำสั่งในลักษณะจับคู่กันเอง (Wash Trade) |
เพื่อลวงให้นักลงทุนอื่นเข้าใจผิดในปริมาณของสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีการซื้อขายกันและอาจรวมถึงทำให้เข้าใจผิดในราคาสินทรัพย์ดิจิทัลในช่วงขณะหนึ่ง |
- ส่งคำสั่งเสนอซื้อ(Bid Order) หรือ เสนอขาย (Ask Order)โดยเจตนาให้เกิดการจับคู่กันเองระหว่างบัญชีของตนเองหรือบัญชีที่มีผู้ได้รับผลประโยชน์ท้ายสุดเป็นบุคคลเดียวกัน รวมถึงกรณีการจับคู่กันเองระหว่างกลุ่มบุคคลที่มีผู้ได้รับผลประโยชน์ท้ายสุดเป็นบุคคลเดียวกัน |
คำสั่งในลักษณะผลักดันชี้นำราคา (Pump & Dump) |
เพื่อทำให้นักลงทุนอื่นเข้าใจผิดในการเปลี่ยนแปลงของราคาสินทรัพย์และหลอกล่อให้มีการซื้อขายตาม |
- ส่งคำสั่งเสนอซื้อ(Bid Order)ในลักษณะไล่ระดับราคาเพื่อให้เกิดการจับคู่กับคำสั่งเสนอขายที่ดีที่สุด(Best Ask) ทำให้ราคาตลาด (Market Price) ปรับตัวขึ้น และกระทำพฤติกรรมดังกล่าวซ้ำ ๆ จนราคาปรับตัวสูงขึ้นในช่วงระยะเวลาอันสั้นและรอส่งคำสั่งเสนอขาย (Ask Order) เพื่อทำกำไรส่งผลให้ราคาปรับตัวลงอย่างรวดเร็ว |
คำสั่งในลักษณะใส่-ถอน (Layering & Spoofing) |
เพื่อทำให้นักลงทุนอื่นเข้าใจผิดในปริมาณ คำสั่งเสนอซื้อ(Bid Order) หรือ คำสั่งเสนอขาย (Ask Order) ที่รอให้เกิดการจับคู่อันเนื่องมาจากการวางคำสั่งและยกเลิกคำสั่งหลายครั้ง |
- ส่งคำสั่งเสนอซื้อ (Bid Order) หรือ คำสั่งเสนอขาย (Ask Order) หลายระดับราคาในปริมาณมาก เพื่อให้เกิดสภาพการครอง Bid หรือ ครอง Ask ส่งผลให้นักลงทุนเข้าใจผิดว่าสินทรัพย์ดิจิทัลดังกล่าว มีนักลงทุนหลายรายสนใจเข้าซื้อขายและผู้ส่งคำสั่งจะยกเลิกคำสั่งเสนอซื้อหรือขายนั้นในภายหลัง เนื่องจากผู้ส่งคำสั่งไม่มีเจตนาที่จะซื้อขายสินทรัพย์นั้นจริงๆ - ส่งคำสั่งเสนอซื้อ(Bid Order) เป็นปริมาณมากในระดับราคาที่ใกล้เคียงกับราคาตลาด(Market Price) หลายระดับราคา เพื่อเร่งรัดให้นักลงทุนส่งคำสั่งเสนอซื้อ (Bid Order) จับคู่กับคำสั่งเสนอขาย (Ask Order) ที่ระดับราคาสูงกว่าราคาตลาดซึ่งตนตั้งรอไว้ก่อนแล้วและมีการยกเลิกคำสั่งดังกล่าวสลับกับเสริม Bid Order หลายครั้ง ทั้งนี้ เมื่อราคาปรับตัวขึ้นมาแล้วจึงยกเลิก Bid Order เหล่านั้นทั้งหมดแล้วอาจจะส่ง Ask Order จับคู่กับ Bid Order ของนักลงทุนอื่นในทันทีเพื่อทำกำไร |
คำสั่งในลักษณะพยุงราคา |
เพื่อควบคุมให้ราคาไม่เคลื่อนที่หรือเคลื่อนที่อยู่ในกรอบจำกัด | - แตกย่อย (Split Order) คำสั่งเสนอซื้อ (Bid Order) หรือ คำสั่งเสนอขาย (Ask Order) เป็นหลายจำนวนอย่างมีนัยยะและส่งคำสั่งเป็นจำนวนมากในระยะเวลาอันสั้น โดยมีเจตนาเพื่อให้เกิดการจับคู่ที่ราคาตลาด (Market Price) ซึ่งผู้ส่งคำสั่งต้องการ ส่งผลให้ราคาไม่เคลื่อนที่หรือเคลื่อนที่อยู่ในกรอบที่จำกัด |
การดำเนินการเมื่อบริษัทพิจารณาแล้วเห็นว่ามีการส่งคำสั่งซื้อขายในลักษณะที่ไม่เหมาะสมและ
ส่งผลกระทบต่อสภาพตลาด
(“Market Surveillance Penalty”)
1. ส่งอีเมลแจ้งเตือน พร้อมกำชับไม่ให้ส่งคำสั่งซื้อขายในลักษณะดังกล่าวอีก
2. ส่งอีเมลแจ้งเตือน พร้อมกำชับไม่ให้ส่งคำสั่งซื้อขายในลักษณะดังกล่าวอีก และระบุอย่างชัดเจนถึง การลงโทษใน
ครั้งต่อไป โดยจะเริ่มจากระงับการใช้บัญชีเพื่อส่งคำสั่งซื้อขายเป็นระยะเวลาไม่เกิน 7 วัน ไปจนถึงการยุติความสัมพันธ์กับลูกค้า (ปิดบัญชี)
3. ระงับการใช้บัญชีเพื่อส่งคำสังซื้อขาย โดยลูกค้าจะไม่สามารถทำการซื้อขายได้เป็นระยะเวลาไม่เกิน 7 วัน พร้อมส่ง
อีเมลแจ้งผลการลงโทษและกำชับไม่ให้ส่งคำสั่งซื้อขายในลักษณะดังกล่าวอีก รวมถึงระบุอย่างชัดเจนถึงการลงโทษในครั้งต่อไป โดยจะเริ่มจากระงับการใช้บัญชีเพื่อส่งคำสั่งซื้อขาย เป็นระยะเวลามากกว่า 7 วันแต่ไม่เกิน 30 วัน ไปจนถึงการยุติความสัมพันธ์กับลูกค้า (ปิดบัญชี)
4. ระงับการใช้บัญชีเพื่อส่งคำสังซื้อขาย โดยลูกค้าจะไม่สามารถทำการซื้อขายได้เป็นระยะเวลามากกว่า 7 วันแต่ไม่เกิน 30 วัน พร้อมส่งอีเมลแจ้งผลการลงโทษและกำชับไม่ให้ส่งคำสั่งซื้อขายในลักษณะดังกล่าวอีก รวมถึงระบุอย่างชัดเจนถึงการลงโทษในครั้งต่อไป โดยจะยุติความสัมพันธ์กับลูกค้า (ปิดบัญชี)
5. บริษัทจะดำเนินการยุติความสัมพันธ์กับลูกค้า (ปิดบัญชี) พร้อมทั้งส่งอีเมลแจ้งลูกค้า
บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิในการปฏิเสธ/ยกเลิก คำสั่ง หรือพิจารณาลงโทษตามความเหมาะสมโดยดูจากความร้ายแรงของพฤติกรรมประกอบกับผลกระทบต่อสภาวะการซื้อขายโดยภาพรวม อันเนื่องมาจากการส่งคำสั่งซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลนั้น
ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ลิงก์